วันที่ 14 กันยายน 2566 | อ่าน 236 ครั้ง
กลอุบายบังคับเรียกค่าไถ่ ข่มขู่เด็ก นักศึกษา
.
กลายเป็นข่าวโด่งดังสำหรับกลอุบายใหม่ของมิจฉาชีพที่อาศัยความไร้เดียงสาของเด็ก หรือนักเรียน นักศึกษา โดยมิจฉาชีพจะใช้วิธีการโทรศัพท์ผ่านระบบ Voip (Voice Over Internet Protocol) โทรเข้าโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อข่มขู่ทำให้ผู้เสียหายตกใจกลัวว่ามีหมายจับต่าง ๆ จากนั้นมิจฉาชีพจะเสนอให้ความช่วยเหลือ โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินมายังบัญชีธนาคาร (บัญชีม้า) หากไม่มีเงิน กลุ่มมิจฉาชีพจะแนะนำให้สร้างสถานการณ์ว่าถูกลักพาตัวและส่งคลิปดังกล่าวให้มิจฉาชีพทางแอปพลิเคชันหรือทางโทรศัพท์
.
จากนั้นมิจฉาชีพจะโทรศัพท์หลอกพ่อแม่และผู้ปกครอง เพื่อเรียกค่าไถ่ โดยจะส่งคลิปไปให้พ่อแม่และผู้ปกครอง เมื่อพ่อแม่และผู้ปกครองตกใจ มิจฉาชีพจะแจ้งให้โอนเงินค่าไถ่ตามจำนวนที่มิจฉาชีพต้องการ
.
สังเกตลักษณะกลโกงได้ ดังนี้
.
1. มิจฉาชีพสุ่มโทรหานักศึกษาที่อยู่หอพักห่างไกลจากผู้ปกครอง มีการสั่งซื้อของ เริ่มหัดลงทุน มีการยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเบอร์ที่โทรมามักจะมีเครื่องหมายบวก (+) นำหน้า (Voice over Internet Protocol)
2. อ้างตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร ข่มขู่ว่า เหยื่อมีความผิด ให้เหยื่อตกใจกลัวแล้วอ้างว่า ช่วยเหลือได้ แต่ต้องโอนเงินให้
3. ถ้าไม่มีเงินจะให้เด็กถ่ายคลิปหลอกผู้ปกครองว่า โดนลักพาตัว เรียกค่าไถ่แล้วให้ผู้ปกครองโอนเงินให้แทน
.
เอะใจทุกครั้ง ช่วยป้องกันได้
.
1. ตั้งสติก่อนรับสาย ถ้าเป็นมิจฉาชีพ ให้วางสายทันที
2. โหลดแอปฯ WHOs CALL เพื่อให้ทราบว่า ใครโทรมา
3. ห้ามบอกข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น
4. ไม่รับสายคนแปลกหน้า โดยเฉพาะเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วย +697, +698
5. หากเผลอรับแล้วอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบกับผู้ปกครอง อาจารย์ หรือผู้เกี่ยวข้องก่อน อย่าตัดสินใจเพียงลำพัง
6. ไม่โหลดแอปฯ หรือทำตามสิ่งที่คนร้ายบอก เช็กข้อมูลก่อนทุกครั้ง
.
#1212ETDA #กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #ETDAThailand #เรียกค่าไถ่ #ข่มขู่เด็ก #มิจฉาชีพ